วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทความที่ 2

  สื่อการสอน Photoshop


 

บทความที่ 4 พรบ.เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เกี่ยวกับผู้ใช้งาน 

    พรบ.เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวกับการใช้งาน 
มาตรา ๖๓ รัฐต้องจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำและโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารในรูปอื่น เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมตามความจำเป็น            
มาตรา๖๔ รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิต และพัฒนาแบบเรียน ตำรา หนังสือทางวิชาการ สื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่น โดยเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิตและมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิต และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ทั้งนี้ โดยเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม 
มาตรา๖๕ ให้มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้ผลิต และผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในการผลิต รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม มีคุณภาพ และประสิทธิภาพ 
มาตรา ๖๖ ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในโอกาสแรกที่ทำได้ เพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการแสวง หาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
มาตรา ๖๗ รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้เกิดการใช้ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ของคนไทย 
มาตรา ๖๘ ให้มีการระดมทุน เพื่อจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจากเงินอุดหนุนของรัฐ ค่าสัมปทาน และผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ และโทรคมนาคมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรประชาชน รวมทั้งให้มีการลดอัตราค่าบริการเป็นพิเศษในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อ การพัฒนาคนและสังคม หลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการผลิต การวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖๙ รัฐต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน ส่งเสริมและประสานการวิจัย การพัฒนาและการใช้ รวมทั้งการประเมินคุณภาพ และประสิทธิภาพของการผลิตและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา

 

แบบสอบถาม

กดเลย

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทความที่ 1 About Me ........
         เอ่อ ชื่อจริงชื่อ วิลดา นามสกุล สุขกล่ำ เรียกชื่อเล่นก็ได้ง่ายกว่า "ดา" จ้า อายุ 14 ปี เกิดวันพุธที่ 12 เดือนพฤษภาคม  ปี 2542 ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่ โรงเรียนวัดราชโอรส (Watrajaoros) ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 1 (Gifted) ที่อยู่ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร ตอนอยุ่ประถมเรียนอยู่ที่                             โรงเรียนพรประสาทวิทยา (แถวๆตลาดพลูจ้า)              
E-mail : tottot_11112222@hotmail.com                                                                                                Gmail : tottot.11112222@gmail.com 
สีที่ชอบ : เขียว ฟ้า ดำ สีที่ไม่ชอบ : เขียวขี้ม้า อาหารที่ชอบ : แพนง+กะเพรา(ไก่,หมู,กุ้ง) วิชาที่ชอบที่สุด : วิชาวิทยาศาสตร์ เพราะว่า เป็นคนชอบคิดอะไรอยู่ในหัวตลอดเวลาและชอบคิดอะไรใหม่ๆ ชอบบัดกรี ชอบต่อวงจรแต่ถ้ายากมาก้ไม่ทำนะคะ และวิชาคณิตศาสตร์ เพราะเป็นคนที่เห็นตัวเลขมากกว่า 2  ตัวแล้วจะทำยังไงก็ได้ให้ได้ 24 อะ 5555555 ^^  งานอดิเรกคือฟังเพลง ร้องเพลง ก็เช่นเพลงกะทันหัน เพลงเพดาน เป็นต้น สัตว์เลี้ยง : มีหมา 4 ตัวจ้า ตอนนี้ตายไป 1 ตัวแล้ว มีชื่อ ลาเต้ มอคคา เจลลี่ (ชื่อน่ากินมาก 5555 ) นิสัย : นิสัยหรอก็คิดว่าเป็นคนหัวเราะง่ายยิ้มง่ายทำให้ผู้อื่นหัวเราะได้ ไม่ค่อยห่วงสวยเท่าไหร่จ้า ตอนเด็กๆๆ ประวัติดีๆเยอะมาก แต่พอโตมาก็นะ ก็ดีนะไม่เคยเข้าห้องปกครอง(แบบมีเรื่องอะนะ) ก็ที่ทำบล็อกนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าได้คะแนนรายวิชา........(ไม่บอก)และก็เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่ คนดูแลบล็อก สนใจด้วยและคิดว่าเพื่อนๆน่าจะสนใจเหมือนกันหรือผู้ที่จะนำไปศึกษา นำไปทำงาน นำไปประกอบการเรียนต่อไป
              ถ้าหากว่าผิดพลาด พลาดพลั้งประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และถ้ามีอะไรให้ผู้ดูแล      ปรับปรุงแก้ไข comment มาได้เลยนะคะ เพื่อที่จะไปเป็นความรู้ให้ผู้ดูแลต่อไปแล้วจะปรับปรุงให้ดีขึ้นคะขอขอบคุณคะ
                            ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555


บทความเกี่ยวกับการบริหารการศึกษา
 
   เรื่อง  การใช้  ICT พัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการ  
     
       นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบราชการ   โดยปฏิรูประบบราชการเริ่มจากการปรับโครงสร้างหน่วยงานการบริหารระบบราชการ และมีมาตรการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยเฉพาะการพัฒนาและบริหารกำลังคนนั่นคือ ข้าราชการ   ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ  เป็นพลังผลักดันและขับเคลื่อน    การนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT : Information and Communication Technology)  เข้ามาใช้ในการพัฒนาและบริหารกำลังคน   จึงต้องมีความเข้าใจถึงรากฐานตั้งแต่นโยบาย ICT  ของประเทศ  และนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาการใช้ ICT  เพื่อพัฒนาบุคลากร  ,  การใช้ ICT  เพื่อการบริหารกำลังคน  ,  การใช้  ICT  เพื่อพัฒนาการบริการ  ,  อุปสรรคการนำ ICT  มาใช้ในการพัฒนาและบริหารกำลังคน  ซึ่งแต่ละประเด็นล้วนมีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน   อันจะส่งผลไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบราชกาโดยรวม
นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
รัฐบาลได้มีการกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญไว้ 5 กลุ่ม คือ
•       เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านภาครัฐ (e-Government)
•       เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านพาณิชย์ (e-Commerce)
•       เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม (e-Industry)
•       เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านการศึกษา  (e-Education)
•       เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านสังคม  (e-Society)

e-Government  เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องการให้เกิดรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์  โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านคือ  G to G  (Government  to  Government)   หน่วยงานภาครัฐต่อภาครัฐ  , G to B   (Government to Business)  หน่วยงานภาครัฐต่อภาคธุรกิจ  และ  G  to  C  (Government to Citizen)   หน่วยงานภาครัฐต่อภาคประชาชน โดยมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลแห่งชาติ  PMOC  (Prime Minister Operation
Center)  ,  MOC  (Ministerial Operation Center)  ,  POC (Provincial Operation Center)  ,  DOC (Department Operation Center)
            เป้าหมายสูงสุดของรัฐก็คือ ต้องการให้ประชาชนทุกคนมี Smart Card  ที่สามารถแสดงข้อมูลของประชาชนทุกคนในประเทศได้  (สุรพงษ์  สืบวงศ์ลี, 2546)    เมื่อนำกลยุทธ์ทั้ง 5 นี้มาดำเนินการ โดยประสานสัมพันธ์และเชื่อมโยงการดำเนินการของแต่ละกลุ่มด้วยการวางแผนและการปฏิบัติที่รอบคอบ บนพื้นฐานของปัจจัยสำคัญอีกสามด้านที่จะเป็นสื่อนำไปสู่เศรษฐกิจและสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ คือ การสร้างทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมนวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศและอุตสาหกรรมสารสนเทศ เชื่อว่าในสิบปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีการพัฒนาไปสู่เป้าหมายข้างต้นได้อย่างเหมาะสม  ยุทธศาสตร์ตามแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  ได้
กำหนดยุทธศาสตร์หลักทั้ง  7  ด้าน  ได้แก่
            1. ยุทธศาสตร์ที่ 1  การพัฒนาอุตสาหกรรม ICT เพื่อให้เป็นผู้นำในภูมิภาค
            2. ยุทธศาสตร์ที่ 2   การใช้ ICT เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยและสังคม ไทย
            3. ยุทธศาสตร์ที่ 3 การปฏิรูปและการสร้างศักยภาพเพื่อการวิจัยและพัฒนา ICT
            4. ยุทธศาสตร์ที่ 4 การยกระดับศักยภาพพื้นฐานของสังคมไทยเพื่อการแข่งขันในอนาคต
            5. ยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเพื่อมุ่งขยายตลาดต่างประเทศ
            6. ยุทธศาสตร์ที่ 6 การส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมใช้ ICT
            7. ยุทธศาสตร์ที่ 7 การนำ ICT  มาใช้ประโยชน์ในการบริหารและการให้บริการของภาครัฐ
            เป้าหมายการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ  เป็นเป้าหมายที่ครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาครัฐทั้งในการบริหารราชการส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาคและการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น   โดยเป้าหมายการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ  มี  2 เป้าหมายหลักคือ
1. ระบบบริหาร (Back Office)  ประกอบด้วยงานสารบรรณ  งานพัสดุ  งานบุคลากร  งานการเงินและบัญชี  และงานงบประมาณการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจรภายในปี พ.ศ.2547
2. ระบบบริการ (Front office)   ตามลักษณะงานของหน่วยงานต่าง ๆ ให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ร้อยละ 70   ภายในปี พ.ศ.2548   และครบทุกขั้นตอนภายในปี พ.ศ.2553
บทสรุป
             นโยบายของรัฐให้ความสำคัญในการนำ ICT  เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการและการบริการ  ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ   รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรทางด้านต่าง ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาใช้ให้มากขึ้น   การพัฒนาบุคลากร การบริหารจัดการและการบริการของรัฐสามารถนำเอา ICT เข้ามาใช้ได้ในทุกด้าน    แม้จะยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่มากในหลาย ๆ ด้าน   แต่ระบบราชการคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนำ ICT  เข้ามาช่วยในงานทุกส่วน   เพื่อความทันสมัย ความสะดวกและรวดเร็วในการพัฒนาระบบราชการจะเกิดประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก   ถ้าได้นำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาใช้โดยเฉพาะพัฒนาข้าราชการอันเป็นหัวใจของระบบราชการทั้งหมด

บทบาทสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการยกระดับการศึกษาเป็นการศึกษาตลอดชีวิต
การประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการบริหารการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เป็นกฎหมายว่าด้วยการศึกษาของชาติฉบับแรกของประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2542 เป็นต้นมา มีสาระสำคัญที่ใช้เป็นหลักในการปฏิรูปการศึกษาของชาติทั้งในส่วนที่เป็นความมุ่งหมาย หลักการของการจัดการศึกษา สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา ระบบการศึกษา แนวทางจัดการศึกษาการบริหารและจัดการศึกษา มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาทรัพยากร และการลงทุนเพื่อการศึกษา และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ.2542)สำหรับการกำหนดรูปแบบของการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
1.การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่มีแน่นอนในจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา
หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล รวมทั้งมีการกำหนดเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
                2.การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยึดหยุ่นในการกำจุดมุ่งหมาย
รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดผลและประเมินผล รวมทั้งเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
                3.การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อมและโอกาสโดยสามารถศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม สื่อหรือแหล่งความรู้อื่นๆจากรูปแบบของการจัดการศึกษาทั้ง 3 รูปแบบดังกล่าวได้สะท้อนความตื่นตัวที่จะปฏิรูปการศึกษาโดยยึดหลักการศึกษาตลอดชีวิตที่เน้นให้ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้วางเป้าหมายในการสร้างให้คนไทยเป็นคนเก่ง คนดี มีความสุข เป็นทรัพยากรบุคคลที่สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน (รุ่ง แก้วแดง,     2543 : 18) นอกจากนั้นสาระในหมวด 9 ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ยังได้กำหนดถึงบทบาทหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการจัดการด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา โดยกำหนดขอบเขตครอบคลุมไปถึงการจัดการโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาบุคลากร การจัดตั้งกองทุนและหน่วยงานกลางเพื่อวางนโยบายและบริหารงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา จะเห็นได้ว่าการจัดการศึกษาในยุคของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนรู้และความต้องการในการศึกษาในอนาคต สื่อและอุปกรณ์การศึกษารูปแบบใหม่เข้ามาแทนที่สื่อแบบเก่า มีแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่หลากหลาย จะเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาแบบใหม่ การปฏิรูปการศึกษาจะเป็นการปรับปรุงโครงสร้างทั้งระบบใหม่ โดยเฉพาะการบริหารและการจัดการศึกษา ซึ่งจากเดิมโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบ เปลี่ยนมาเป็นสังคมและชุมชนร่วมกันรับผิดชอบต่อการจัดการศึกษามากยิ่งขึ้น ฉะนั้นการจัดการศึกษาไม่ว่าจะเป็นในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย จะเชื่อมโยงและเข้าหากันมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยให้การจัดการเรียนการสอนผสมผสานกันและเอื้อประโยชน์ในทุกกลุ่มเป้าหมาย การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้สอดคล้องกับยุคปฏิรูปการศึกษาตามระบบการศึกษา ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย จะส่งผลดีอย่างไรนั้น ผู้เขียนขอประมวลเป็นภาพรวม ดังนี้
            1.การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดกิจกรรมและพัฒนาการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญนั้นจะทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดยฝึกการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล เพื่อนำความรู้และองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นไปใช้ในการพัฒนาตนเองและสังคมได้
     2.การจัดระบบเครือข่ายการเรียนรู้ที่ให้มีแหล่งความรู้ที่หลากหลาย สำหรับการค้นคว้าหาความรู้ทุก ๆ ด้านที่ผู้เรียนต้องการและเหมาะสมกับผู้เรียน เช่น สื่อมวลชนทุกแขนงเครือข่ายสารสนเทศ ทรัพยากรท้องถิ่น ชุมชน ภูมิปัญญาชาวบ้านและหน่วยงานต่าง ๆ จะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้พัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างกว้างขวาง
          3.การปรับกระบวนการเรียนการสอน โดยเน้นให้ครูเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวกและชี้แนะให้ผู้เรียนทำการศึกษาค้นคว้าคิดและตัดสินใจด้วยตนเอง โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่ายการเรียนรู้เป็นเครื่องมือ ขณะเดียวกันครูต้องเป็นต้นแบบด้านคุณธรรม และจริยธรรมด้วย ซึ่งต้องปลูกฝังทั้งในชั่วโมงเรียนและกิจกรรมการฝึกปฏิบัติ
          4.ส่งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัยโดยการประสานกับชุมชนและท้องถิ่นในการพัฒนาการเรียนการสอนตามอัธยาศัยเน้นการค้นคว้าและทักษะการสืบค้นสารสนเทศ ให้ผู้เรียนใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการสื่อสารข้อมูลทางไกลผ่านระบบเครือข่ายได้ รวมทั้งประเมินผลจากการนำมาใช้มากกว่าการจดจำเนื้อหา ที่กล่าวมาเป็นแนวความคิดในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยพัฒนา  
      การศึกษาตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย ผู้เขียนเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้การศึกษาจะไร้ขีดพรมแดน ข้อจำกัดในด้านสถานที่ เวลา และด้านอื่นๆ จะไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้อีกต่อไป โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ชุมชนมีสิทธิและส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางจัดการศึกษา โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยระดมทรัพยากรและทุนทางสังคมเข้ามาเป็นปัจจัยในการจัดกิจกรรม ไม่จำเป็นจะต้องมุ่งใช้งบประมาณจากรัฐแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสและนิมิตหมายที่ดี    ที่ชุมชนจะได้มีส่วนร่วมในการบูรณาการภูมิปัญญาชาวบ้าน จารีตประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นเข้ากับการจัดการศึกษาในชุมชน โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือ
       ปัจจุบันการศึกษาก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทคโนโลยี การจัดการเรียนการสอนก็เปลี่ยนไปในรูป e-learningซึ่งต้องสนองตอบการศึกษาได้ทุกรูปแบบทั้งในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย ตลอดจนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ เพราะฉะนั้นการบริหารจัดการก็จำเป็นต้อง ส่งเสริมและพัฒนาให้ทันกับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง โดยการพัฒนาระบบงานคอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ และพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาให้มีความรู้ ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการเรียนการสอนและการปฏิบัติงานในหน้าที่ โดยจัดทำข้อมูลสารสนเทศเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดจนให้บริการทางการศึกษา ส่งเสริมให้มีการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน จัดหา คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการใช้ปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของงานในการจัดการศึกษา ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ประโยชน์จาก ICTเพื่อการเรียนรู้ ให้มีการสอนผ่าน e-learning จัดให้มีห้องสมุดอีเลคทรอนิคส์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตซึ่งนำไปสู่สังคมแห่งคุณธรรมและสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้
            พอสรุปได้ว่า “ ICT ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการดำเนินชีวิตประจำวัน และการจัดการเรียนการสอนในสังคมปัจจุบัน ทำให้เด็กไทยสามารถรับรู้เรื่องราวข่าวสารที่ทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทุกโรงเรียน”
รูปแบบการจัดการความรู้ในสถานศึกษา 
   การเรียนรู้และนวัตกรรมเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมและสร้างสภาพการณ์  เพื่อให้ทุกคนมีสิทธิและความเสมอภาคในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต“ สังคมแห่งการเรียนรู้เป็นสังคมแห่งภูมิปัญญา  ตระหนักถึงความสำคัญ  ความจำเป็นของการเรียนรู้ที่ทุกคนและทุกส่วนในสังคมมีความใฝ่รู้และพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ  การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นและมีความต่อเนื่องเป็นปกติวิสัยในชีวิตประจำวันของคนทุกคน ไปจนตลอดการสิ้นอายุขัย  เป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นได้ในทุกเวลา  ทุกสถานที่  ของคนทุกคนในทุกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในสถานศึกษาก็เช่นเดียวกัน  การที่จะสร้างสมรรถนะคนในสถานศึกษาให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้นั้น  ผู้บริหารจำเป็นต้อง ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้  เทคโนโลยีและสารสนเทศ  วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ  สร้างแหล่งการเรียนรู้และเครือข่ายการเรียนรู้   รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ เพื่อให้บุคคลในสถานศึกษาเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง เป้าหมายปลายทางของการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนสามารถคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง คือการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และครูจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในการชี้แนะ กระตุ้น ผลักดัน อำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ โดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมในการจัดการเรียนรู้ คือ
                  1. Active Learning เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนเป็นผู้กระทำ หรือปฏิบัติด้วยตนเอง ด้วยความ กระตือรือร้น เช่น ได้คิด ค้นคว้า ทดลองรายงาน ทำโครงการ สัมภาษณ์ แก้ปัญหา ฯลฯ ได้ใช้ ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง ผู้สอนทำหน้าที่ เตรียมการจัด บรรยากาศการเรียนรู้ จัดสื่อสิ่งเร้าเสริมแรงให้คำปรึกษาและสรุปสาระการเรียนรู้ร่วมกัน            
                  2. Construct เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้ค้นพบสาระสำคัญหรือองค์การความรู้ใหม่ด้วยตนเอง อันเกิด จากการได้ศึกษาค้นคว้าทดลอง แลกเปลี่ยนเรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง ทำให้ ผู้เรียนรักการอ่าน รักการศึกษาค้นคว้าเกิดทักษะในการแสวงหาความรู้ เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ ซึ่งนำไปสู่ การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ (Learning Man) ที่พึงประสงค์            
                   3. Resource เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่หลากหลายทั้งบุคคลและ เครื่องมือทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน ผู้เรียนได้สัมผัสและสัมพันธ์ กับสิ่งแวดล้อมทั้งที่ เป็นมนุษย์ (เช่น ชุมชน ครอบครัว องค์กรต่าง ๆ) ธรรมชาติและเทคโนโลยี ตามหลักการที่ว่า "การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานการณ์)"            
                  4. Thinking เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการคิด ผู้เรียนได้ฝึกวิธีคิดในหลายลักษณะ เช่น คิดคล่อง คิดหลากหลาย คิดละเอียด คิดชัดเจน คิดถูก ทางคิดกว้าง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดอย่างมีเหตุผล เป็นต้น (ทิศนา แขมมณี และคณะ, 2543 : 55-59) การฝึกให้ผู้เรียนได้คิดอยู่เสมอในลักษณะ ต่าง ๆ จะทำให้ผู้เรียนเป็นคนคิดเป็น แก้ปัญหาเป็น คิดอย่างรอบคอบมีเหตุผล มีวิจารณญาณ ในการคิด มีความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ที่จะเลือกรับและปฏิเสธข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถแสดงความคิด เห็นออกได้อย่างชัดเจนและมี เหตุผลอันเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตประจำวัน            
                  5. Happiness เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนอย่างมีความสุข เป็นความสุขที่เกิดจาก ประการที่หนึ่ง ผู้เรียนได้เรียนในสิ่งที่ตนสนใจสาระการเรียนรู้ ชวนให้สนใจใฝ่ค้นคว้าศึกษาท้าทาย ให้แสดง ความสามารถและให้ใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ ประการที่สองปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตร มีการช่วยเหลือ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีกิจกรรมร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้ผู้เรียนรู้สึกมีความสุขและสนุกกับการเรียน            
                 6. Participation เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนกำหนดงาน วางเป้าหมายร่วมกัน และมีโอกาสเลือกทำงานหรือศึกษาค้นคว้าในเรื่องที่ตรงกับความถนัดความสามารถ ความสนใจ ของตนเอง ทำให้ผู้เรียนเรียนด้วยความกระตือรือร้น มองเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรียนและสามารถ ประยุกต์ความรู้นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง            
                7. Individualization เป็นกิจกรรมที่ผู้สอนให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนในความเป็นเอกัตบุคคล ผู้สอนยอมรับในความสามารถ ความคิดเห็น ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองให้เต็มศักยภาพมากกว่าเปรียบเทียบแข่งขันระหว่างกันโดยมีความเชื่อมั่นผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้ได้ และมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน
                8. Good Habit ป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้พัฒนาคุณลักษณะนิสัยที่ดีงาม เช่น ความรับผิดชอบ ความเมตตา กรุณา ความมีน้ำใจ ความขยัน ความมีระเบียบวินัย ความเสียสละ ฯลฯ และ ลักษณะนิสัยในการทำงานอย่างเป็นกระบวนการการทำงานร่วมกับผู้อื่น การยอมรับผู้อื่น และ การเห็นคุณค่าของงาน เป็นต้น

แหล่งอ้างอิง
 ฟาฏินา วงศ์เลขา . การประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการบริหารการศึกษา [online].  เข้าถึงได้จาก :  
              http://gotoknow.org/file/sukontasun. (2552,  กุมภาพันธ์ 15 )


Demo Project 


      การรวมตัวของวัยรุ่นทั้ง 4 โซ่-นิว (Split), ฟ้า , แครอล ในการทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ซึ่งพวกเขาได้มีซิงเกิลแรกของตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อย ก่อนอื่นนะคะ เราไปติดตามประวัติส่วนตัวแบบน้ำจิ้มๆของทั้ง 4 คนก่อนนะคะ เริ่มต้นจากหนุ่มหล่อขี้เล่น น่ารัก ทะเล้น อย่างโซโซ่ กันก่อนเลย  ตามด้วย หนุ่มมาดเซอ นิ่งๆ เงียบๆ น่าค้นหา อย่าง นิว ต่อไปเป็นประวัติของลูกครึ่งสาวสวยอย่างแครอล และปิดท้ายด้วย สาวหน้าหวานอย่างฟ้า !!! อย่ารอช้า ไปชมกันเลยค่ะ ^_^

ประวัติส่วนตัว : ชื่อ ศตายุ นาคทองเพชร ชื่อเล่น โซ่ อายุ 18 ปีเรียนชั้น ปี 1                              โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม 
ปัจจุบัน : ได้ทุน คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
นิสัยส่วนตัว : เป็นคนกวนๆ อารมณ์ดี ยิ้มได้ทุกที่ทุกเวลา
กิจกรรมยามว่าง : เหมือนนิวแทบทุกอย่าง (หัวเราะ) เล่นกีตาร์ เล่นฟุตบอล ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ
ความสามารถพิเศษ : เล่นกีตาร์
แนวดนตรีที่ชอบ : ชอบเพลงป๊อป ฟังสบายๆ อคูสติก
idol : พี่รัฐ tattoo colour , แสตมป์ , ตั๊ก บริบูรณ์
เรียนสายวิทย์ - คณิต  อยากเรียนวิศวะการบิน
ส่วนสูง : 171-172 ซม.
น้ำหนัก : 50 (ประมาณนี้นะคะ ไม่ค่อยแน่ใจ)
เล่นกีตาร์มาประมาณ 3 ปี ก่อนหน้านั้นเคยเล่นเบส
วงดนตรีที่ชอบที่สุด tattoo colour
ลายเซ็นตรงกีตาร์พี่โซ่เป็นของ sungha jung กับ andy mckee
ร้องเพลง Cover ลง Youtube วง The Split Band และวง Demo
จุดเด่นของพี่โซ่ : รอยยิ้ม 
ผลงาน - โฆษณา est Teen-est IdoL
รางวัล : พิฆเนศวร ครั้งที่ 2 สาขา เพลงเยาวชนดีเด่นชาย จากงานประกาศรางวัล"พิฆเนศวร" รางวัลวิทยุแห่งชาติ ครั้งที่ 2

ประวัติส่วนตัว : ชื่อ ชลัชจักร ตรีนงลักษณ์ ชื่อเล่น นิว อายุ 18 ปี เรียนชั้น ปี 1
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม 
ปัจจุบัน : คณะจิตวิทยา  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นิสัยส่วนตัว : เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ค่อนข้างตรงข้ามกับโซ่ทุกอย่า
กิจกรรมยามว่าง : เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ฟังเพลง เล่นคอม อ่านหนังสือการ์ตูน ดูหนัง
แนวดนตรีที่ชอบ : ชอบเพลงรักแง่บวก
ผลงาน - โฆษณา est Teen-est IdoL
รางวัล : พิฆเนศวร ครั้งที่ 2 สาขา เพลงเยาวชนดีเด่นชาย จากงานประกาศรางวัล"พิฆเนศวร" รางวัลวิทยุแห่งชาติ ครั้งที่ 2

สองคนนี้ก่อนที่จะรวมตัวกับ อีกสองสาวได้ cover เพลงของคนอื่นไว้เพราะมากมายและหลังจากที่ได้รวมแล้วนั้นก้ได้มีเพลงของตัวเองในชื่อวงว่า Split และเพลงที่ร้องนั้นชื่อเพลงว่า "เพลงของเธอ"






ซิงเกิ้ลที่สอง ชื่อ เพลง "แค่นั้น" 


ซิงเกิ้ลที่สามคือ เพลง " แค่หันมา "


เมื่อได้ดูหนุ่มทั้ง 2 ไปแล้วมาดูสองสาวกันบ้างดีกว่านะคะ




ประวัติส่วนตัว : ชื่อ อริสรา บัวปรางค์ (Arisara Buaprang) ชื่อเล่น ฟ้า อายุ 18 ปี เรียนชั้น ปี 1
โรงเรียน: บดินทร์เดชา 2
ปัจจุบัน: คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  
นิสัยส่วนตัว : เป็นคนมึนๆ รั่วๆ ยิ้มง่าย ใจเย็น ไม่ห่วงสวย
กิจกรรมยามว่าง : เล่นคอม วาดรูป ร้องเพลง เล่นกีต้าร์ แต่งรูป Photoshop ตัดต่อวิดีโอ
ความสามารถพิเศษ : วาดรูปคน ตัดต่อกราฟฟิค
แนวดนตรีที่ชอบ : แนวแจ๊ส โซล ป๊อปสบายๆ

ผลงาน
- KNOCK KNOCK : "40สาว...ดาวโรงเรียน"
- โฆษณา ดร.สมชาย
- Classmate 50
- โฆษณา Jele Beautie
- โฆษณา Tea Break
- นิตยสารเธอกับฉัน 606 September 2010 Beauty Blink&Beauty Idea
- นิตยสารเธอกับฉัน 607 October 2010 Campus Hits
- หนังสั้นเรื่อง 2 ขวบ (แสดงร่วมกับ เป้ อารักษ์)
- มิวสิควิดีโอ OUT OF CONTROL : BlackJack
- ข่าวเบื้องหลังMV.BlackJackในไทยรัฐ
- นิตยสารเธอกับฉัน vol. 28 no. 621 January 2012
- ฟ้า อริสรา บัวปรางค์ MiX MAGAZINE VOL.62 JANUARY 2012
- มิวสิควิดีโอ ..จบมั้ย (The End) : Timethai
- มิวสิควิดีโอ ไม่มีเหตุผล ถ้าคนจะมีใจ : Black Vanilla
- วัยรุุ่นครั้งเดียว Demo Project (ฟ้า โซ่ นิว แครอล) สังกัด Kamikaze
- รักแท้จะตามหาเธอ (Destiny) - All KamiKaze 
- โปรดรักษาระยะห่าง - Fah
- โฆษณา est Teen-est Idol กับ Demo Project
- อริศ(ส)รา (ARISARA) – ฟ้า แครอล (Fah,Carol)


รางวัล 
- คนดีศรีบดินทร ปี 51-53
- นักเรียนดีเด่น ปี 2554
- ตำแหน่งนางนพมาศ ปี 2553
- ชนะการแข่งขันวาดรูปวันพ่อ 5 บดินทร
- ชนะการแข่งขันวาดรูปวันพ่อ ปี 2551
- รางวัลรองชนะเลิศการประกวดคลิปสร้างสรรค์ลดโลกร้อน 2554
- รางวัลรองชนะเลิศการแข่งขันโปรแกรม Adobe Photoshop 2550
- รางวัลชมเชยการแข่งขันวาดภาพวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
- รางวัลรองชนะเลิศในโครงการ Chat’n Share MV Contes

 
 มีเพลงเป็นของตนเองครั้งแรก พ.ศ.2555 มีชื่อเพลงว่า "โปรดรักษาระยะห่าง"



ซิงเกิ้ลที่ 2 "แฟนเก่าก็เหงาเป็น " 



และผู้หญิงอีกคนของวงนี้ 

ประวัติส่วนตัว : ชื่อ อริศรา โรเซ็นดาห์ล (Arisara Rosendahl) ชื่อเล่น แคโรไลน์ อายุ 16 ปี เรียนชั้น ม.6 ร.ร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นิสัยส่วนตัว : เฮฮา เป็นตัวของตัวเอง เกรียนๆ
กิจกรรมยามว่าง : เล่นกีตาร์ ยูโด วอลเล่ย์บอล วิ่ง
ความสามารถพิเศษ : เล่นกีตาร์(มือซ้าย)
แนวดนตรีที่ชอบ : ชอบเพลงสากลเบาๆ จนถึงร็อคแรงๆ เพลงไทยสบายๆ

ผลงาน - โฆษณา est Teen-est IdoL
สาวคนนี้ก็มีเพลงเป็นของตนเองเหมือนกัน มีชื่อเพลงว่า "ให้ทาย"



ในขณะที่ 2 หนุ่มมีซิงเกิ้ลคู่ 2 สาว ก้ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเพลงอะไรบ้าง
ซิงเกิ้ลคู่ " อลิศ(ส)รา" 


ซิงเกิ้ลคู่ เพลงที่สอง " ไม่ค่อยชัด " 




และน้องใหม่สำหรับ Demo Project 
ชื่อ  วรกมล ซาเตอร์ ( Worakamol Satoe) ชื่อเล่น เจฟ
อายุ 18 ปี ปัจจุบัน : Jeff ได้ทุน วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต
ผลงาน : แสดง MV อริศ(ส)รา - Arisara
             หนุ่มลูกครึ่งไทย จีน อังกฤษ ที่มีความฝันอยากเป็นศิลปินตั้งแต่เด็กๆ เขาจึงมุ่งมั่นฝึกฝนตัวเองและพิสูจน์ฝีมือบนเวทีประกวดร้องเพลงเพื่อให้ถึง โอกาสนั้นมาโดยตลอด จนกระทั่งฝีมือเข้าตาทีมงาน Kamikaze จึงได้ก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัว ในสังกัด Demo Project เครือ Kamikaze เจฟมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยเสียงแหบสุดโรแมนติกและมาพร้อมกับสไตล์เพลง Pop Soul ที่เขาชื่นชอบ   ซึ่งเมื่อไรที่เขายิ้ม แล้วร้องเพลง และเล่นกีต้าร์คุณอาจเผลอเคลิ้มไปกับเสน่ห์ของเขาโดยไม่รู้ตัว Profile KZ ID : วรกมล  ซาเตอร์   ชื่อเล่น เจฟ Birthday : 6 มี.ค. 2538 Nationality : ไทย Education : วิทยาลัยดนตรี เอกขับร้อง สาขาดนตรีแจ๊ส มหาวิทยาลัยรังสิต […]
มีซิงเกิ้ลเดี่ยวแรกของตัวเองพ.ศ. 2556 มีชื่อว่า " โลกแตก "



ภาพที่เกี่ยวข้องกับ Demo Project








วิดีโอที่เกี่ยวข้อง